เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ‘คุณส้ม – สีตลา ชาญวิเศษ’ ที่ปรึกษาด้านการตลาดจาก บริษัท กรุ๊ปบี จำกัด และ เจ้าของแบรนด์ Motto Beer ได้รับเกียรติจากคุณ Torpenguin ให้ไปร่วมเป็นตัวแทนเสวนา ภายใต้หัวข้อ “ทำการตลาดแอลกอฮอล์อย่างไร? เมื่อกฏหมายไม่เป็นใจ” ในงาน Damn Expo 2025 ณ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ

  กรุ๊ปบี ถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของตลาดคราฟต์เบียร์ไทย ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต (Brewer) และผู้บริโภค โดยรวบรวมสินค้าคราฟต์เบียร์ไทยที่ได้รับมาตรฐานและถูกกฎหมายตามนโยบายบริษัท เพื่อนำไปจำหน่ายแก่ร้านอาหาร ผับ บาร์ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 

  ปัจจุบัน กรุ๊ปบี กำลังมีโปรเจกต์ใหญ่ในการขยายฐานลูกค้าออกสู่ต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นที่ ‘สหรัฐอเมริกา’ ใน ‘รัฐแคลิฟอร์เนีย’

  ความที่กรุ๊ปบีมุ่งเน้นเป็นคนกลางในการเชื่อมระหว่าง Brewer กับตลาด ทางบริษัทจึงอยากที่จะโฟกัสในเรื่องของการจัดจำหน่าย ให้บริการลูกค้า และหาช่องทางใหม่ๆ ในการนำเสนอสินค้า ซึ่งเราใช้วิธีให้คำปรึกษาและสนับสนุนให้แบรนด์คราฟต์เบียร์ไทยให้ความสำคัญเรื่องของตัวตนและเอกลักษณ์ที่ชัดเจน

  คุณส้ม มองว่า ข้อจำกัดทางกฏหมายที่ไม่ให้โฆษณาสินค้าแอลกอฮอล์ ทำให้อุตสาหกรรมคราฟท์เบียร์ กลายเป็นธุรกิจสไตล์ “Sales Game” มากกว่า “Marketing Game” 

  ว่าง่ายๆ คือ การทำการตลาดผ่านเซลส์ขายของเป็นหลัก ให้พนักงานขายเข้าไปแนะนำสินค้าโดยตรงกับร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม และอีเวนต์ต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และกระตุ้นให้ร้านค้าเป็นผู้เล่าเรื่องราวของเบียร์แก่ลูกค้าเอง เพราะหน้าร้านเป็นที่ที่สามารถอธิบายสินค้าได้ เลยกลายเป็นว่า คราฟท์เบียร์จะโปรโมตได้ คือ การผ่าน On ground หรือกิจกรรมที่หน้าร้านเป็นหลัก

  ส่วนการตลาดออนไลน์นั้นยาก เพราะถูกข้อจำกัดกฏหมายไม่ให้พูด เลยทำให้ร้านค้าต่างๆ ต้องแอบทำ แอบพูด ซึ่งสมัยนี้โชคดีหน่อย มีอินฟลูเอนเซอร์หลายคนที่กล้ารีวิว แต่โดยรวมก็ถือว่าทำยากอยู่ดี 

  ดังนั้น ถ้าไม่นับเรื่อง On ground ที่กรุ๊ปบีเองเชียร์ให้ Brewer พยายามพบปะคนดื่ม สร้างความสัมพันธ์กับฐานคนดื่มเพื่อให้เกิดแฟนคลับ อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ คือ Product Marketing ถ้าเบียร์มีสไตล์ที่ตอบโจทย์กลุ่มคนดื่ม มีรสชาติที่ดี มีแพกเกจจิ้งที่ดูแล้วสะดุดตาน่าซื้อ และเบียร์มี Branding ที่ชัด มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น แบบนี้ก็พอจะช่วยให้คราฟท์เบียร์พอไปได้

ทำอย่างไรให้คราฟต์เบียร์ไทยเข้าถึงผู้บริโภค?

  สำหรับตัวสินค้านั้น แบรนด์ที่สามารถสร้างภาพจำได้ชัดเจนย่อมได้เปรียบ เพราะทุกวันนี้แบรนด์คราฟท์เบียร์มีเยอะมาก และรสชาติที่ออกมาก็คล้ายๆ กัน สิ่งที่จะทำให้แบรนด์เบียร์โดดเด่น คือ ต้องมีแบรนด์ที่แตกต่างและสามารถทำให้คนจดจำได้ง่าย เช่น คนชอบ Brewer เชื่อฝีมือนักต้มคนนี้ รู้ว่าคนนี้ชอบทำอะไรใหม่ๆ แบบนี้เวลามีเบียร์ใหม่ออกมา คนก็จะอยากติดตาม เพราะเฝ้ารอว่า Brewer จะทำอะไรออกมาให้ได้ดื่ม

  ตัวอย่างที่ดี เช่น แบรนด์ “ผีบอก” ที่ใช้ลายเส้นการ์ตูนไทยย้อนยุค อีกทั้งยังมีกรรมวิธีในการปรุงเบียร์ที่เนี้ยบและพิถีพิถันทุกรอบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ “ผีบอก” ที่ไม่ว่าจะออกมากี่รสชาติ คนก็นึกสไตล์แบรนด์ออกว่า เขาคือ เบียร์เนี้ยบ ที่เป็นกระป๋องลายผีไทย ซึ่งพอหลังๆ เวลาผีบอกออกเบียร์อะไรมา ก็มีแฟนคลับและคนตอบรับเบียร์ดีเสมอ อยากดื่มซ้ำเพราะชอบรสชาติ ไม่ต้องลุ้น เพราะเชื่อฝีมือ Brewer

  โดยสรุป คุณส้มเชื่อว่าหากสามารถดึงตัวตนของแบรนด์ออกมาได้ชัดเจน และทำให้ผู้บริโภครู้สึกเชื่อมโยงกับเรื่องราวของสินค้าได้ สินค้านั้นมีโอกาสที่จะถูกเลือกและได้รับการยอมรับง่ายขึ้น

  ทั้งนี้ถ้าเจ้าของแบรนด์หรือผู้ผลิตคราฟท์เบียร์ไทยเข้าใจความสำคัญและตีโจทย์ของการสื่อสารแบรนด์ได้ ก็จะสามารถเติบโตและไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น