แอบมีหลายคนสงสัย เห็นกรุ๊บบีบอกว่าขายเบียร์คราฟท์
แล้ว “เบียร์คราฟท์” หรือ “คราฟท์เบียร์” นี่คืออะไรกันแน่
คราฟท์เบียร์ (Craft Beer) ถ้าแปลความหมายตามตัวอักษรตรงๆ ก็คือเบียร์ที่เป็นงานคราฟท์หรือเบียร์ทำเองด้วยการใช้ฝีมือ ใช้ความปราณีต ไม่ใช่งานอุตสาหกรรม แต่ตามหลักการเชิงธุรกิจแล้ว ถ้าจะบอกว่าเป็นคราฟท์เบียร์ ต้องมีหลักสามข้อค่ะ คือ ขนาดเล็ก เป็นอิสระ (จากนายทุน) และใช้ส่วนผสมดั้งเดิมในการทำเบียร์ คือ มอลต์ ฮอปส์ ยีสต์ น้ำ
เนื่องด้วยกฏหมายเกี่ยวกับธุรกิจเบียร์ในบ้านเรามีข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้เรามีตัวเลือกในการดื่มค่อนข้างน้อย ล้วนแต่เป็นเบียร์อุตสาหกรรมที่ไม่มีความแตกต่างเรื่องประเภท รสชาติ และวัตถุดิบ พอกระแสเบียร์จากต่างประเทศเข้ามา มีเบียร์นำเข้าหลากหลายประเภท มีกลิ่น มีรสชาติ มีความคิดสร้างสรรคในการทำเบียร์แตกต่างกันไป คนไทยก็เริ่มมีทางเลือก เริ่มดื่มเบียร์หลากหลาย ไม่ใช่แค่ Lager แบบที่ขายใน 7-11 บ้านเรา
กระแสการทำเบียร์ดื่มเองในบ้านเรา หรือที่เรียกว่า Homebrew ก็เป็นแหล่งคราฟท์เบียร์ที่น่าสนใจค่ะ หลายเจ้าต้มในบ้านได้คุณภาพ ทำขายดิบขายดีจนออกไปทำเบียร์ต่างประเทศแล้วนำกลับเข้ามาขายก็มี เรียกง่ายๆ ว่าตอนนี้คนไทย มีตัวเลือกดีๆ ให้ดื่มนับร้อยแล้ว ไม่ใช่แค่ไม่ถึง 10 แบรนด์เหมือนแต่ก่อน
เบียร์ดีๆ ดื่มให้ดีก็สุนทรีย์ไม่ต่างจากไวน์เลยค่ะ
1.ดู เริ่มจากการดูสีเบียร์ ขุ่นมั้ย ใสมั้ย เข้มอ่อน ตรงตามสไตล์เบียร์ที่เราเลือกรึเปล่า
2.ดม เบียร์แต่ละตัวให้กลิ่นไม่เหมือนกัน มีกลิ่นดอกไม้ กลิ่นกล้วย กลิ่นสัปปะรด กลิ่นกาแฟ กลิ่นคาราเมล แตกต่างไปตามประเภทและวัตถุดิบ (ที่ร้านมีเบียร์กล้วยตาก กลิ่นกล้วยตากก็มา) มีเบียร์หลายตัวที่กลิ่นหอมมากและขมมากก็มี
3.จิบ ดื่มเข้าไปในปากให้เนื้อเบียร์โดนลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก เพื่อรับสัมผัสหนา-บางของเบียร์ และรับรสชาติเบื้องต้นว่ามีรสของอะไรปนอยู่ รสหวานของข้าว รสขมของฮอปส์ หรือรสของวัตถุดิบอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ ค่อยๆ วิเคราะห์เพื่อฝึกลิ้น
4.ดื่ม นั่นแหละค่ะ ดื่มตามชอบ ถ้าจะให้ดี ลองสังเกตรสชาติและกลิ่นของเบียร์ในอุณหภูมิที่ต่างกัน และอย่าลืมสังเกตอาฟเตอร์เทสต์ว่าหลังจากกลืนเบียร์ลงคอไปแล้ว ทิ้งรสอะไรไว้ในปากบ้าง (ส่วนใหญ่จะเป็นรสขมๆ ยิ่งขมนานๆ ยาวๆ พวกคอเบียร์โหดๆ นี่ชอบกันนัก)
แต่ในที่สุดแล้ว ชอบดื่มแบบไหนก็ดื่มได้เลยค่ะ เสรีภาพในการดื่มเป็นของทุกคน ขอแค่รับผิดชอบต่อตนเองและคนรอบข้างก็พอเนอะ